ประวัติบรรพบุรุษตระกูลซิ้ม
ประวัติองค์ บู๊เต็กโฮ้ว ซิ้มโจวกง บรรพบุรุษต้นตระกูลแซ่ซิ้ม
เจ้าปู่เดิมอยู่ที่ภาคกลางของประเทศจีน มณฑลเหอหนาน ใต้ฝั่งแม่น้ำฮวงโห จังหวัดหนี่หลินกวงโจว อำเภอกู้สื่อ
ท่านปู่ของเจ้าฯปู่มีชื่อว่า ฮงกง มีบุตรชาย 3 คน ชื่อ เส่งบุ๊ง,เส่งบู้ และเส่งเล่ง ซึ่งก็คือ ท่านพ่อของเจ้าปู่ และเจ้าปู่ฯ เป็นลูกโทน
เจ้าปู่ฯ มีชื่อเดิมมีชื่อว่า ปิว ชื่อจริงว่า ซือจี่ ส่วนชื่อ โย่ง คือชื่อที่พระเจ้าแผ่นดินทรงประทานให้ เจ้าปู่นั้นเป็นผู้มีความเฉลียวฉลาดเป็นเลิศ เดิมท่านเป็นเสมียนประจำอยู่เหอหนาน และในขณะนั้นบ้านเมืองอยู่ในภาวะที่ไม่สงบ แผ่นดินลุกเป็นไฟ เมื่อราชวงศ์ซุ่ยหมดอำนาจลง ท่านก็ได้ร่วมกับอ้วยชิวและหลี่อี้ (สกุลลี้) คิดจะสนับสนุนให้อุยซุ่นกงเป็นใหญ่ในแผ่นดิน และยกย่องให้เฉินเจิ่น (สกุลตั้ง) เป็นผู้นำช่วยปราบปรามความไม่สงบที่เกิดขึ้นโดยทั่วไป และในขณะนั้นก็มีท่านแม่ทัพต่างเมืองตั้งตัวเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ชื่อ หลีเอียง มีบุตรชื่อ หลี่ซือมิ้ง ได้ยกทัพเข้าตีมณฑลฮอไซ เจ้าปู่กับเฉินเจิ่นก็ได้ยกทัพเข้าร่วมด้วย และขอสมัครเป็นทหารใต้บังคับบัญชา เมื่อเมืองฮอไซแตก ลี้ซือมิ้งก็ได้ประกาศตนเป็นเจ้าแผ่นดิน ราชวงศ์ถัง พร้อมกับแต่งตั้งให้ตั้งเจ่งเป็นนายพลผู้คุมทัพ ส่วนเจ้าปู่ก็มีความดีความชอบและก็ได้อยู่ใต้บังคับบัญชาเฉินเจิ่นตลอดมา
เมื่อพระเจ้าแผ่นดินฮ่องเต้ กาจงปีที่ 2 เข้าสมัยนี้ มณฑลฮกเกี้ยน จังหวัดชวนโจว และมณฑลกวางตุ้ง จังหวัดแต้จิ๋ว ทั้งสองจังหวัดมีพื้นที่ติดต่อกัน ได้เกิดความไม่สงบ แม่ทัพเฉินเจิ่นได้ขออาสาไปปราบปราม เจ้าปู่ก็ได้ติดตามไปด้วย เนื่องจากเจ้าปู่ก็เป็นผู้มีความเฉลียวฉลาดในด้านการรบ เมื่อถึงเวลาออกศึกเจ้าปู่ก็จะเป็นผู้นำทหารอยู่เสมอ จึงทำให้ทหารมีขวัญและกำลังใจที่ดีอยู่เสมอ จึงเป็นทัพที่กล้าแข็งและสามารถนำชัยชนะมาทุกครั้งไป จึงทำให้ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทุกสารทิศ
เมื่อเข้าสมัยจักรพรรดิองศ์ที่ 3 ได้ครองเมืองเป็นปีที่ 2 แม่ทัพเฉินเจิ่นก็ได้เสียชีวิตลงลูกชายชื่อหยวนกวงได้รับตำแหน่งแทน และในขณะนั้นมณฑลกวางตุ้งได้มีโจรผู้ร้ายกล่มหนึ่งหัวหน้าชื่อ เฉินเชียน ได้สมคบกับชาวเขาเผ่าพื้นเมือง หัวหน้าเจ้าเขาชื่อ หลุยบ้วนเชงและเมียวจือเฉิน ก่อการไม่สงบขึ้น ยกทัพเข้าตีอำเภอเฉาเอี้ยง หัวหน้าทหารรักษาเมืองไม่สามารถต้านทานได้ จึงทำให้เมืองแตก เมื่อเมืองแตกแม่ทับหยวนวงได้ยกทัพไปปราบปรามแล้วยึดเมืองกลับคืนมาได้ เนื่องด้วยชายแดนภาคนี้มีเหตุร้ายเกิดขึ้นอยู่เสมอ พระเจ้าแผ่นดินจึงสั่งให้กองทัพนี้อยู่เพื่อรักษาการณ์ เมื่อเป็นเช่นนี้ ในยามว่างเจ้าปู่ก็ได้สั่งให้ทหารบุกเบิกพื้นที่ป่าดงเพื่อทำการเพาะปลูก จัดสร้างหมู่บ้านและแต่ละหมู่บ้านให้มีความสามัคคีกัน เพื่อป้องกันเหตุร้ายและให้มีการค้าขายซึ่งกันและกัน จนทุกครัวเรือนมีความกินดีอยู่ดี
ค.ศ. 626-649 ซึ่งเป็นช่วงที่จักรพรรดิถังไถ่จง ครองเมืองเมื่อสิ้นพระชนม์ ลูกชายเกาจงฮ่องเต้ครองเมืองพระองค์มีสุขภาพไม่แข็งแรง ภารกิจส่วนมากก็ให้มเหสีทำแทน ไม่นานพระองค์สิ้นพระชนม์ พระมเหสีบูเช็คเทียน ก็ประกาศตัวเป็นจักรพรรดิหญิงพระนางมีความปรีชาสามารถเทียบเท่ากับชาย รอบรู้ด้านการปกครองบ้านเมือง ด้านชายแดนก็จัดให้มีมณฑล จังหวัดและอำเภอมีข้าราชการประจำอยู่ เพื่อสะดวกแก่การควบคุมสอดส่องดูแลต่อมาเมื่อเฮี้ยงจงฮ่องแต้ได้ระลึกถึงคุณงามความดีของพรรคพวกของเจ้าปู่ จึงโปรดให้สร้างศาลเป็นที่ระลึกถึงคุณงามความดีของท่านแม่ทัพและเจ้าปู่ โดยมีรูปแม่ทัพหยวนกวงพร้อมกับมีรูปเจ้าปู่อยู่ร่วมด้วย ให้ชาวเมืองสักการะบูชา
เมื่อถึงรัชสมัยของราชวงศ์ถังครองเมืองได้ 280 ปี แผ่นดินก็แยกเป็น 5 ส่วน ในยามนี้เจ้าคางเหลี้ยงขึ้นมาเป็นใหญ่ในแผ่นดินและจักรพรรดิองศ์แรกของราชวงศ์โซ่ง ในสมัยราชวงค์โซ่งนี้มีจักรพรรดิ์องศ์หนึ่งในปีซวงหัวปีที่ 4 ได้ประทานป้านเกียรติยศแก่ศาลแห่งนี้ โดยมีแม่ทัพหยวนกวงเป็นตงเจ็กกง และเจ้าปู่เป็นนายพล ต่อมามีจักรพรรดิอีกองศ์หนึ่งในปีเชี้ยวเซงปีที่ 16 ได้พระราชทานป้ายโดยเลื่อนยศ แม่ทัพง้วนกวงเป็นเล้งตูอ๋องและเจ้าปู่เลื่อนยศ (นายพลผู้ยิ่งใหญ่ประจำหน้าบังลังก์) อูเต็กโอ้ว หรือ บู๊เต็กโฮ้ว เพื่อเป็นเกียรติประวัติแด่เจ้าปู่ฯ และตระกูลซิ้ม
Cr : หนังสืออนุสรณ์ งานฉลองครบรอบ 100 ปี ศาลเจ้าตระกูลซิ้ม